ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่สูงกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,534.58 จุด ลดลง 405.89 จุด หรือ -1.45% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,339.19 จุด ลดลง 59.77 จุด หรือ -1.76% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,919.59 จุด ลดลง 221.97 จุด หรือ -1.99%
นักวิเคราะห์จากบริษัทซัสคิวแฮนนา ไฟแนนเชียล ในรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และยังคงเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินไป ซึ่งส่งผลให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ถูกเทขายออกมาอย่างหนักเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.28% ขณะที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 3.9% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.06% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.26% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.37% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 2.8%
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐโหวตคว่ำแผนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ที่นำเสนอโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับขนาดและขอบข่ายของมาตรการดังกล่าว
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีจุดยืนที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวงเงินของมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงแรก ก่อนที่จะลดลงมาเหลือ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันยืนยันวงเงินราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 884,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 93,000 ราย สู่ระดับ 13.385 ล้านราย
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.55% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.34% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 5.12% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ลดลง 1.84%
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆที่มีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร
ทางด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวลง 8.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ดีกว่าที่ระบุในเดือนมิ.ย.ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 8.7% ในปีนี้ นอกจากนี้ นางลาการ์ดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนขยายตัว 0.3% ในปีนี้ และ 1.0% ในปีหน้า