ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์นี้ในรอบกว่า 3 เดือน เนื่องจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้นด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,032.09 จุด เพิ่มขึ้น 28.77 จุด หรือ +0.48%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 4% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
ความวิตกเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะต้องถอนตัวออกจาก EU แบบไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) นั้น ทำให้ปอนด์อ่อนค่าลง และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากเงินปอนด์อ่อนค่าลง และราคาโลหะปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเกล็นคอร์ พุ่งขึ้น 4.13% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 4.46%
หุ้น Aviva ซึ่งเป็นบริษัทประกันปรับตัวขึ้น หลังเปิดเผยว่าจะขายธุรกิจในสิงคโปร์มูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.98 พันล้านดอลลาร์)
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุน หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนก.ค.ขยายตัว 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเดือนที่ 3 โดยสะท้อนให้เห็นว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวได้แล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของที่เคยสูญเสียไปในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก