ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงข่าวบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐให้กับบริษัทออราเคิล นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,993.33 จุด เพิ่มขึ้น 327.69 จุด หรือ +1.18% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,383.54 จุด เพิ่มขึ้น 42.57 จุด หรือ +1.27% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,056.65 จุด เพิ่มขึ้น 203.10 จุด หรือ +1.87%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ประกาศว่าจะกลับมาทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟส 3 อีกครั้ง หลังระงับโครงการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากอาสาสมัครรายหนึ่งมีอาการอักเสบที่ระบบประสาทในไขสันหลังอย่างรุนแรงหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ขณะที่นายอัลเบิร์ต โบร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ไฟเซอร์กำลังพัฒนาร่วมกับไบออนเทค (BioNTech) ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนีนั้น มีความปลอดภัย และคาดว่าจะสามารถฉีดให้กับชาวสหรัฐได้ก่อนสิ้นปีนี้ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นไฟเซอร์ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.58%
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการและซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทออราเคิลบรรลุข้อตกลงกับไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก (TikTok) ในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวหนุนราคาหุ้นออราเคิลปิดตลาดทะยานขึ้น 4.32%
ทางด้าน Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ได้ตกลงซื้อกิจการ Arm Holdings จากบริษัทซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป ของญี่ปุ่น ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น Nvidia ปิดตลาดพุ่งขึ้น 5.82%
ขณะที่บริษัทกิลเลียด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของบริษัทอิมมูโนเมติค (Immunomedics) วงเงินราว 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากยารักษาโรคมะเร็งเต้านมที่มีชื่อว่า Trodelvy ของอิมมูโนเมติค ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้หุ้นของบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่นั้น
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอิมมูโนเมติค ทะยานขึ้น 97.9% และหุ้นกิลเลียด พุ่งขึ้น 2.22%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับแรงช้อนซื้อของนักลงทุน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 2.07% ขณะที่หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ทะยานขึ้น 6.38% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 2.04% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.68%
หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3% ก่อนที่บริษัทจะจัดแอปเปิลอีเวนต์ในวันนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple Watch และ iPad รุ่นใหม่ในวันนี้ ส่วน iPhone 12 จะมีการเปิดตัวในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐ (TSA) เปิดเผยจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 3.57% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.88% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 1.86% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ พุ่งขึ้น 2.35%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ที่ประชุมเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวถึงในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board