ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก กลุ่มเดินทางและเทคโนโลยีหนุนตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเดินทางและกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและพุธนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.15% ปิดที่ 368.51 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,051.88 จุด เพิ่มขึ้น 17.74 จุด หรือ +0.35%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,193.66 จุด ลดลง 9.18 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,026.25 จุด ลดลง 5.84 จุด หรือ -0.10%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้เริ่มการทดลองทางคลินิกกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 อีกครั้งหลังระงับการทดลองไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปช่วยหนุนตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้น IAG เจ้าของบริติช แอร์เวย์ พุ่งขึ้น 4.4%, หุ้นอีซี่เจ็ต พุ่ง 1.72% และหุ้นลุฟท์ฮันซา พุ่งขึ้น 2.05%

หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ พุ่งขึ้น 4.57% และหุ้นเอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันเนล พุ่งขึ้น 2.65%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังบริษัทชั้นนำระบุว่า ความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะกระทบอุปสงค์น้ำมันมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ หุ้นโททาล, หุ้นโรยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพี ร่วงลง 1.51%, 1.68% และ 1.89% ตามลำดับ

บรรดานักลงทุนรอสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักรลงมติเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Internal Market Bill ขณะที่ทางสหภาพยุโรปต้องการให้อังกฤษยกเลิกการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวได้ลดโอกาสที่สองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก่อนกำหนดเส้นตายในเดือนธ.ค.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมเฟดในวันอังคารและพุธนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเงินเฟ้อ