ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มสินค้าหรูหราของยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.66% ปิดที่ 370.96 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,067.93 จุด เพิ่มขึ้น 16.05 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,217.67 จุด เพิ่มขึ้น 24.01 จุด หรือ +0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,105.54 จุด เพิ่มขึ้น 79.29 จุด หรือ +1.32%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 1.7% และกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้น 2.3% โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลของจีนที่บ่งชี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 เดือนในเดือนส.ค. และยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้
หุ้นในกลุ่มสินค้าหรูหรา อาทิ หลุยส์วิตตอง, เคอริ่ง และแอร์เมส ซึ่งมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนนั้น ปรับตัวขึ้นตามกัน
หุ้น H&M ของสวีเดนซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก พุ่งขึ้น 10.8% สูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสสูงเกินคาด โดยยอดขายฟื้นตัวเร็วเกินคาดหลังจากทรุดตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19
ตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาประเทศไทย และจะจับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดีด้วย