ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่สดใส และหุ้นกลุ่มประกันปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มการจ่ายเงินชดเชยที่ต่ำกว่าคาดที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,105.54 จุด เพิ่มขึ้น 79.29 จุด หรือ +1.32%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ ริโอ ทินโต และบีเอชพี กรุ๊ป ช่วยหนุนตลาดปรับตัวขึ้นมากที่สุด หลังจีนเปิดเผยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 เดือนในเดือนส.ค.
หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ พุ่งขึ้น หลังเปิดเผยว่าธุรกิจที่ร่วมทุนกับมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ทำรายได้พุ่งขึ้น 52% ในรอบ 13 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ส.ค.
หุ้นกลุ่มประกันได้แรงหนุน หลังศาลตัดสินการจ่ายเงินชดเชยน้อยกว่าคาดให้กับบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป (EU) ด้วย ขณะที่รัฐสภาอังกฤษได้อนุมัติรับร่างกฎหมาย Internal Market Bill ในวาระแรกแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และจะทำการอภิปรายในรายละเอียดในการพิจารณาวาระที่ 2 ต่อไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ EU ที่ระบุว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับสนธิสัญญาถอนตัว (Brexit) ที่เคยตกลงกันไว้ และอาจทำให้สองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ภายในกำหนดเส้นตายสิ้นปีนี้