ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงหนักหลังหุ้นธนาคารเอชเอสบีซีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสิบปี
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,223.09 จุด ลดลง 232.32 จุด, -0.95% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,507.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด, +0.07%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันผู้สูงอายุ
ราคาหุ้นธนาคารเอชเอสบีซีร่วงลง 2.91% ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 2.69% หลังจากรายงานของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินสหรัฐ หรือ FinCen ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกได้ปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี โดยมีชื่อธนาคารเอสเอสบีซี และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปรากฎอยู่ในรายงานดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านการเงินในเอเชียช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% ในวันนี้ และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65% โดยธนาคารกลางจีนได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยทั้งสองประเภทติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
การประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยโครงการ MLF เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ธนาคารกลางจีนใช้ในการบริหารจัดการสภาพคล่องระยะยาวในระบบธนาคาร และถือเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางของอัตราดอกเบี้ย LPR