ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) ขานรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร หลังจากหุ้นทั้งสองกลุ่มร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,584.06 จุด พุ่งขึ้น 410.10 จุด หรือ +1.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,351.60 จุด เพิ่มขึ้น 53.14 จุด หรือ +1.61% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,117.53 จุด เพิ่มขึ้น 203.97 จุด หรือ +1.87%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ส่งสัญญาณว่า ตนและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นางเพโลซีเปิดเผยกับรายการ "State of the Union" ของสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า ตนเชื่อว่านายมนูชินจะมีข้อเสนอที่ดี ซึ่งจะทำให้สภาคองเกรสและทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในท้ายที่สุด โดยหนึ่งในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันคือวงเงินในโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งการสนับสนุนบุคลากรแนวหน้าที่ร่วมต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นในการช่วยเหลือธุรกิจสายการบิน และธุรกิจประเภทอื่นๆ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารซึ่งร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.92% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 1.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 11.24% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.15% ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.87% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.11% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 3.12% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.8%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่มีการสั่งล็อกดาวน์สหรัฐเป็นรอบที่ 2 โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.82% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.09% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.27% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทะยานขึ้น 5.76% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ บวก 0.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นตามทิศทางบวกในตลาด โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.98% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.36% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.78% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.25%
หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.55% หลังจากบริษัทประกาศจัดงาน Prime Day 2020 ในวันที่ 13-14 ต.ค.นี้ โดย Prime Day เป็นวันช็อปปิ้งระดับโลกที่แอมะซอนจัดขึ้น ซึ่งมีการลดราคาสินค้าอย่างมากสำหรับสมาชิก Prime จำนวนนับล้านรายการเพื่อกระตุ้นยอดขายประจำปี
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากศาลอังกฤษมีคำวินิจฉัยให้อูเบอร์ยังคงดำเนินธุรกิจในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของอูเบอร์ในยุโรป
นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และโจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต โดยการดิเบตจะจัดขึ้นในเวลา 21.00 น.ของวันอังคารตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพุธ เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งผู้เข้าดีเบตจะแสดงวิสัยทัศน์ใน 6 หัวข้อ ได้แก่ ประวัติของทรัมป์และไบเดน, ศาลฏีกาสหรัฐ, โควิด-19, เศรษฐกิจ, เชื้อชาติและความรุนแรงในเมืองต่างๆของสหรัฐ รวมทั้งความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนส.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน