ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยนักลงทุนยังรอคอยความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับวงเงินของมาตรการดังกล่าว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,816.90 จุด เพิ่มขึ้น 35.20 จุด หรือ +0.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.80 จุด หรือ +0.53% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,326.51 จุด เพิ่มขึ้น 159.00 จุด หรือ +1.42%
ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอคอยความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจนถึงขณะนี้ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับวงเงินในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1.4% โดยหุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 4.92% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.81% หุ้นแอปเปิล บวก 0.85% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.52%
หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ทะยานขึ้น 25.1% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด
หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ดีดตัวขึ้น 1.2% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐได้ตกลงขยายวงเงินกู้ให้กับเจ็ทบลูเป็น 1.14 พันล้านดอลลาร์ จนถึงวันที่ 26 มี.ค.ปีหน้า ภายใต้โครงการ Cares Act
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากนายสตีฟ ดิคสัน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้แสดงความพอใจในการทดสอบเที่ยวบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากจีเอ็มได้แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์และยอดขายของบริษัทในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 3.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.47% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.19% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 3.2% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 7.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 837,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 873,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ค.
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.3
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน