ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) เนื่องจากรายงานข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,682.81 จุด ลดลง 134.09 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,348.42 จุด ลดลง 32.38 จุด หรือ -0.96% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,075.02 จุด ลดลง 251.49 จุด หรือ -2.22%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงมากที่สุด แต่หุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้น ซึ่งได้ช่วยลดช่วงติดลบของดัชนีดาวโจนส์
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดปรับตัวลงในวันศุกร์ แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์บวกขึ้น 1.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.5% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.5%
ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดันอย่างหนักในช่วงแรก หลังจากมีรายงานข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 และจะเข้าสู่กระบวนการกักกันตัว แต่ตลาดได้ลดช่วงติดลบลง หลังทำเนียบขาวออกมายืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีความสามารถในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป แม้เขามีอาการป่วยเล็กน้อยก็ตาม
นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า "ข่าวทรัมป์ติดโควิดยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ภาวะของตลาดได้สะท้อนให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอน"
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นเพียง 661,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 850,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.2% หลังจากแตะระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนบางส่วน หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศว่า อาจจะมีการทำข้อตกลงเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการที่รัฐบาลสหรัฐจะให้เงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินเป็นวงเงินอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า ตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่แนวโน้มการออกกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ในเร็วๆ นี้ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ไม่มีแนวโน้มว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เนื่องจากมองว่า วงเงินที่พรรคเดโมแครตเสนอนั้นสูงเกินไป
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจนั้น ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง โดยหุ้นแอปเปิล ร่วง 3.32%, หุ้นแอมะซอน ลบ 2.99% และหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.95%
หุ้นเทสลา ร่วง 7.38% เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ขานรับการเปิดเผยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทในไตรมาส 3 แม้ว่าจะสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ก็ตาม
แต่หุ้นกลุ่มสายการบินพาณิชย์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับข่าวความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดเงินช่วยเหลือรอบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการบิน โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ บวก 2.09%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่ง 3.34% และหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.36%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 80.4 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 79.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นยังคงปรับตัวขึ้น แม้สหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม