ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวเกี่ยวกับสุขภาพที่ดีขึ้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐหลังจากที่เขาติดเชื้อโควิด-19 และยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.81% ปิดที่ 365.63 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,871.87 จุด เพิ่มขึ้น 46.99 จุด หรือ +0.97%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,828.31 จุด เพิ่มขึ้น 139.27 จุด หรือ +1.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,942.94 จุด เพิ่มขึ้น 40.82 จุด หรือ +0.69%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นที่อ่อนไหวกับภาวะเศรษกิจปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มการเดินทางและสันทนาการ และกลุ่มรถยนต์
หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ หุ้นเชลล์, หุ้นบีพี และหุ้นโททาล พุ่งขึ้นตามกัน หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นมากกว่า 6%
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับสุขภาพที่ดีขึ้นของปธน.ทรัมป์ หลังจากมีรายงานว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากนายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และปธน.ทรัมป์เองก็มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว
หุ้นกลุ่มเทเลคอมพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นโวดาโฟน พุ่ง 4.7% หลังบรรดาธนาคารเจ้าหนี้อนุมัติการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทบาร์ตี อินฟราเทลของอินเดียกับบริษัทอินดา ทาวเวอร์สซึ่งโวดาโฟนถือหุ้นอยู่