ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันที่พุ่งขึ้นช่วยหนุนตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐมีอาการดีขึ้นหลังป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 และตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,942.94 จุด เพิ่มขึ้น 40.82 จุด หรือ +0.69%
นักลงทุนขานรับรายงานข่าวเกี่ยวกับสุขภาพที่ดีขึ้นของปธน.ทรัมป์ หลังจากมีรายงานว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากนายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และปธน.ทรัมป์เองก็มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว และพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ บีพี และเชลล์ พุ่งขึ้น 1.59% และ 2.63% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหราชอาณาจักรยังคงขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 โดยไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ระดับ 56.1 ในเดือนก.ย.
หุ้นโวดาโฟน พุ่ง 4.7% หลังบรรดาธนาคารเจ้าหนี้อนุมัติการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทบาร์ตี อินฟราเทลของอินเดียกับบริษัทอินดา ทาวเวอร์สซึ่งโวดาโฟนถือหุ้นอยู่
แต่หุ้นซีนเวิลด์ร่วง 36.2% หลังแถลงว่า ทางบริษัทจะปิดโรงภาพยนตร์ทั้งหมดในสหราชอาณาจักรและสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปลดพนักงานมากถึง 45,000 ตำแหน่ง