ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุดในวันนี้ ต่อเนื่องจากที่ทะยานขึ้นวานนี้ ขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีอาการดีขึ้น และล่าสุดได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ณ เวลา 21.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,275.02 จุด บวก 126.38 จุด หรือ 0.45%
หุ้นโบอิ้งและโกลด์แมน แซคส์พุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
นายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่ปธน.ทรัมป์มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว
นายมีโดวส์ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์ เขาก็ได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านนางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในวันนี้ว่า IMF จะปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่าวิตกเหมือนกับในช่วงที่ IMF รายงานตัวเลขประมาณการในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
นางจอร์จีวากล่าวว่า IMF จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่ง IMF จะจัดการประชุมประจำปีร่วมกับธนาคารโลกผ่านทางระบบออนไลน์
"เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากแตะระดับต่ำสุดในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีอนาคตที่ไม่แน่นอน และเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย" นางจอร์จีวากล่าว
ทั้งนี้ ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา IMF ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า พร้อมกับเตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะหดตัวลง 3% นอกจากนี้ IMF ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.8%
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ประเทศทั่วโลกอาจได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ในช่วงปลายปีหน้า ซึ่งล่าช้ากว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการแจกจ่ายวัคซีนในช่วงกลางปีหน้า
นายโซคอร์โร เอสคาแลนเต ผู้ประสานงานประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกของ WHO กล่าวว่า ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ COVAX ของ WHO ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประเทศสมาชิก จะยังไม่สามารถได้รับวัคซีนดังกล่าวเป็นเวลาอีกกว่า 1 ปีจากในขณะนี้ เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนในปัจจุบัน ส่งผลให้มีการเลื่อนเป้าหมายกำหนดเวลาสำหรับโครงการ COVAX ในการรับวัคซีนจำนวน 2 พันล้านโดสออกไปเป็นปลายปีหน้า
นายเอสคาแลนเตกล่าวว่า ปัจจุบันมีวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 193 ตัวที่กำลังอยู่ในช่วงการทดลอง ขณะที่ 10 ตัวอยู่ในช่วงการทดลองในระยะที่ 3
อย่างไรก็ดี นายเอสคาแลนเตกล่าวว่า ขณะนี้จีนและรัสเซียได้ทำการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ของตนเช่นกัน ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็อาจจะทำให้มีวัคซีนเพื่อการพาณิชย์ออกสู่ตลาดในเวลาที่เร็วขึ้น
นักลงทุนจับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตวันที่ 7 ต.ค.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนส.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. และรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)