ดาวโจนส์ลดช่วงบวก หุ้นสายการบินร่วง หลัง"เพโลซี"ขวางอุ้มอุตฯการบิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 8, 2020 23:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวกในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินได้รับผลกระทบจากการที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศว่าจะไม่ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายจากทำเนียบขาวที่ให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการบิน

ณ เวลา 23.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,370.52 จุด บวก 67.06 จุด หรือ 0.23% หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก

หุ้นกลุ่มสายการบินสหรัฐร่วงลงในวันนี้ หลังจากที่นางเพโลซียืนยันว่า ตนจะไม่ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายจากทำเนียบขาวที่ให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการบิน หากรัฐบาลไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับรวมที่มีวงเงินสูง และครอบคลุมถึงการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ร่วงลง 0.3% ขณะที่อเมริกัน แอร์ไลน์ปรับตัวลง 0.5%

คำกล่าวของนางเพโลซีมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่เรียกร้องให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติร่างกฎหมายที่ให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการบิน

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการบินสหรัฐได้ปลดพนักงานจำนวนกว่า 3 หมื่นรายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากรัฐบาลจำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐให้เงินเยียวยาสายการบินสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คิดเป็นวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. โดยมีข้อแม้ว่า บริษัทเหล่านี้จะต้องไม่ปลดพนักงานจนถึงวันที่ 30 ก.ย.

ทางด้านผู้บริหารของสายการบินสหรัฐหลายแห่งได้เข้าพบนายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 17 ก.ย. เพื่อขอให้รัฐบาลสหรัฐอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่อุตสาหกรรมการบิน ก่อนที่มาตรการเดิมจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนก.ย.

หากสภาคองเกรสให้การอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดใหม่จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์แก่อุตสาหกรรมการบิน ก็จะช่วยรักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมดังกล่าวจนถึงเดือนมี.ค.2564

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในช่วงแรก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะบรรลุข้อตกลงกับสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

"เราได้เริ่มการเจรจาที่ดีมาก โดยเราคุยกันถึงการทำข้อตกลงที่มากกว่าการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน ผมคิดว่าเรามีโอกาสสูงมากที่จะบรรลุข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ระบุว่า เขาจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ ซึ่งจะเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.

ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติมาตรการต่างๆที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยืนยันในวันนี้ว่า ตนจะไม่เข้าร่วมการดีเบตรอบ 2 กับนายโจ ไบเดน ในวันที่ 15 ต.ค. หากมีการจัดดีเบตแบบออนไลน์

"ผมจะไม่เสียเวลาไปกับการดีเบตแบบออนไลน์" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าว Fox

ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า การที่คณะกรรมการจัดการดีเบตประธานาธิบดีเสนอให้มีการจัดการดีเบตในรูปแบบใหม่ดังกล่าว เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้

"ผมไม่คิดว่าผมจะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดการดีเบตประธานาธิบดีเสนอให้มีการจัดการดีเบตผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เพื่อป้องกันสุขภาพและเพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

การตัดสินใจของคณะกรรมการฯมีขึ้น หลังจากที่มีการตรวจพบว่าปธน.ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 1 ต.ค. และต่อมาเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวหลายคนก็ได้ติดเชื้อดังกล่าว

คณะกรรมการฯเปิดเผยในวันนี้ว่า การดีเบตดังกล่าวจะเป็นในรูปแบบ townhall โดยจัดขึ้นที่ศูนย์ศิลปะการแสดงเอเดรียน อาร์ชที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ขณะที่นายสตีฟ สคัลลี ซึ่งเป็นพิธีกร จะรับคำถามจากผู้ชมในห้องส่ง เพื่อถามสดๆไปยังปธน.ทรัมป์และนายไบเดน ซึ่งจะแยกกันอยู่ในสถานที่แตกต่างกัน

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 840,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 825,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 849,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศชัตดาวน์ในกลางเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ