ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 6% ก่อนที่บริษัทจะจัดอีเวนต์ในวันอังคารที่ 13 ต.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,837.52 จุด เพิ่มขึ้น 250.62 จุด หรือ 0.88% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,534.22 จุด เพิ่มขึ้น 57.09 จุด หรือ 1.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,876.26 จุด เพิ่มขึ้น 296.32 จุด หรือ 2.56%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยทำเนียบขาวได้ยื่นข้อเสนอครั้งใหม่แก่พรรคเดโมแครต ซึ่งจะเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการต่างๆ ที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 6.35% ก่อนที่ทางบริษัทจะจัดอีเวนต์ครั้งใหม่ในวันอังคารที่ 13 ต.ค. ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะมีการเปิดตัว iPhone 12 ถึง 4 รุ่น ซึ่งได้แก่ iPhone 12 Mini ซึ่งมีหน้าจอ 5.4", iPhone 12 ซึ่งมีหน้าจอ 6.1", iPhone 12 Pro มีหน้าจอ 6.1" และ iPhone 12 Pro Max หน้าจอ 6.7"
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีต่างก็พุ่งขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.27% หุ้นอัลฟาเบท ดีดตัวขึ้น 3.58% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.37% หุ้นไมโคซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.59% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.58%
หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 4.75% ก่อนที่ทางบริษัทจะจัดงาน Prime Day 2020 ในวันที่ 13-14 ต.ค. โดย Prime Day เป็นวันช็อปปิ้งระดับโลกซึ่งจะมีการลดราคาสินค้าอย่างมากสำหรับสมาชิก Prime จำนวนนับล้านรายการเพื่อกระตุ้นยอดขายประจำปีของแอมะซอน
หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 5.10% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นทวิตเตอร์ สู่ระดับ "buy" เนื่องจากเชื่อมั่นว่าผลประกอบกาของทวิตเตอร์จะยังคงแข็งแกร่งจนถึงปีหน้า
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในวันอังคาร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน