ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐยอมรับว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของธนาคารรายใหญ่อย่างแบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,514.00 จุด ลดลง 165.81 จุด หรือ -0.58% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,488.67 จุด ลดลง 23.26 จุด หรือ -0.66% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,768.73 จุด ลดลง 95.17 จุด หรือ -0.80%
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ยอมรับว่า การบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ถือเป็นเรื่องที่ยาก โดยพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงประเด็นวงเงินของมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ นางเพโลซีได้ปฏิเสธข้อเสนอวงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ของทำเนียบขาว โดยระบุว่า วงเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการเยียวยาผลกระทบของโควิด-19 ขณะที่พรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์
สัญญาณที่บ่งชี้ถึงความไม่คืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากตลาดได้รับแรงกดดันอยู่ก่อนแล้วจากรายงานที่ว่า บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังพบผู้เข้าร่วมการทดลองรายหนึ่งล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ และบริษัท Eli Lilly & Co ประกาศระงับการรับอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองแอนติบอดีสำหรับการรักษาโรคโควิด-19 เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 2.4% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 3 โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยรายได้ 2.045 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปิดตลาดร่วงลง 5.24%
หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 6.02% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 42 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 45 เซนต์/หุ้น
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวกเพียง 0.21% แม้ธนาคารเปิดเผยธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 9.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.57 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ร่วงลง 2.9% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัว 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาที่พักในโรงแรม
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน