ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในอังกฤษหลังยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป (EU) หลังการแยกตัว (Brexit) กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,832.52 จุด ร่วงลง 102.54 จุด หรือ -1.73%
ตลาดถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่อังกฤษกำหนดมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในกรุงลอนดอนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันสั่งล็อกดาวน์กรุงลอนดอนรอบใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19
ผู้นำสหภาพยุโรปตกลงที่จะเจรจาเรื่องการทำข้อตกลงการค้ากับอังกฤษหลัง Brexit แต่ก็เตรียมพร้อมรับกรณีที่การเจรจาอาจล้มเหลว และไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ ซึ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้น
หุ้นกลุ่มพลังงาน, ประกัน และเหมืองแร่ นำตลาดร่วงลง โดยหุ้นเชลล์ ร่วงลง 3.59%, หุ้นบีพี ร่วง 2.92%, หุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 3.59% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 1.43%