ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐที่ดีเกินคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,606.31 จุด เพิ่มขึ้น 112.11 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,483.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.47 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,671.56 จุด ลดลง 42.31 จุด หรือ -0.36%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 1.08% ขณะที่กลุ่มพลังงาน ร่วงลงหนักที่สุด 2.3%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 0.1%, ดัชนี S&P500 บวก 0.2% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.8%
ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. โดยยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. เนื่องจากได้แรงหนุนจากยอดขายเสื้อผ้า
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.4%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทไฟเซอร์อาจยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในเดือนหน้า ขณะที่ในเมืองใหญ่หลายแห่งของยุโรปต้องกลับไปดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจและการเดินทางอีกครั้ง เนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาดเพิ่มขึ้น
หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.83% หลังไฟเซอร์แถลงในวันศุกร์ว่า บริษัทจะยื่นจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กับทางสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้
ไฟเซอร์ระบุว่า การยื่นจดทะเบียนวัคซีนจะเกิดขึ้น ทันทีที่มีข้อมูลยืนยันผลการทดลองว่ามีความปลอดภัย โดยอาจมีการยื่นจดทะเบียนในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพ.ย.
แม้ว่าไฟเซอร์ไม่สามารถวางจำหน่ายวัคซีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. แต่การยื่นจดทะเบียนดังกล่าวจะทำให้สหรัฐมีวัคซีนต้านโควิด-19 ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสกัดการแพร่ระบาดในสหรัฐ ซึ่งในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า 8,200,000 ราย เสียชีวิตมากกว่า 222,000 ราย
หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 1.89% โดยได้แรงหนุนจากที่สหภาพยุโรป (EU) ประกาศในวันศุกร์ว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX มีความปลอดภัยที่จะขึ้นบิน หลังจากมีการสั่งห้ามบินนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
นายแพทริก ไค กรรมการบริหารของสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EUASA) ระบุว่า เขามีความพอใจต่อการที่บริษัทโบอิ้งได้ทำการเปลี่ยนแปลงเครื่องบินรุ่นดังกล่าว และ EU จะเปิดน่านฟ้าสำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ก่อนสิ้นปีนี้
นายมาร์ค แฮเฟล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์กล่าวว่า "ตลาดจะยังคงผันผวนต่อไปในหลายสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนจะเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงกำหนดเวลาในการวางจำหน่ายวัคซีนโควิด, ขนาดและกำหนดเวลาในการออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี"
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 81.2 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค., ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนก.ค.