ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกล็อกดาวน์รอบใหม่กระทบเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ซึ่งได้บดบังความเชื่อมั่นในตลาดเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้าในการข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป และความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังในสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.18% ปิดที่ 366.81 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,929.27 จุด ลดลง 6.58 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,854.66 จุด ลดลง 54.33 จุด หรือ -0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,884.65 จุด ลดลง 34.93 จุด หรือ -0.59%

ความหวังเกี่ยวกับการมีวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในช่วงสิ้นปี และแนวโน้มการอนุมัติมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเร็วๆ นี้ ได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในช่วงเช้า แต่ตลาดปรับตัวลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังหลายประเทศในยุโรปดำเนินมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในอิตาลีแตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลได้สั่งปิดจัตุรัสสาธารณะเพื่อยุติการรวมตัวของประชาชนตั้งแต่ 21.00 น.เป็นต้นไป ขณะที่ในสเปนนั้น หลายภูมิภาคเพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะทะลุ 1 ล้านรายในสัปดาห์นี้

ขณะที่เวลส์กำหนดมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า อังกฤษจำเป็นต้องกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์

นักลงทุนวิตกว่าการออกมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นถ่วงตลาดหุ้นลอนดอนลงด้วย โดยปอนด์แข็งค่า หลังสหภาพยุโรประบุว่า พร้อมที่จะเร่งเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังปัญหาด้านเทคนิคทำให้ Euronext ผู้ประกอบการตลาดหุ้นยุโรป ต้องระงับการซื้อขายหุ้นเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงในตลาดปารีส, อัมสเตอร์ดัม, บรัสเซลส์ และลิสบอน

หุ้นแอร์บัส และหุ้นเคอริ่ง ของฝรั่งเศส ลบ 2.40% และ 1.56% ตามลำดับ, หุ้นบีที กรุ๊ปของอังกฤษ ลดลง 1.76% และหุ้น SAP ของเยอรมนี ลดลง 1.39%