ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลง ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทรุดตัวลงกว่า 900 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐ และความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,261.98 จุด ลดลง 156.53 จุด, -0.67% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,478.84 จุด ลดลง 229.96 จุด, -0.93%
ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการในวันนี้
รัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศสประกาศยกระดับการคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังพบว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วยุโรปพุ่งขึ้นเกือบ 40% ภายในเวลา 1 สัปดาห์ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในยุโรปมีมากกว่า 1.3 ล้านรายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของตัวเลข 2.9 ล้านรายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 11,700 ราย ซึ่งพุ่งขึ้น 37% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมายอมรับเองว่า สหรัฐอาจไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เนื่องจากทำเนียบขาวไม่สามารถประสานความคิดเห็นที่แตกต่างกับบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา และสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งกังวลว่า หากนายโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็อาจจะเกิดภาวะ "คลื่นสีน้ำเงิน" หรือ "Blue Wave" ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พรรคเดโมแครตครองอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส ขณะที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งกังวลว่า หากปธน.ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอีกครั้ง ก็อาจทำให้ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไป