ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นวันทำการซื้อขายสุดท้ายของเดือนต.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่, การแพร่ระบาดของโควิด-19, ความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมทั้งความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,548.49 จุด ลบ 110.62 จุด หรือ 0.41%
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นแตะระดับ 41.2 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 6% ในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังมีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยร่วงลง 4% ในเดือนต.ค.
หุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างดิ่งลงในวันนี้ ท่ามกลางความผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์, เฟซบุ๊ก อิงค์ และแอมะซอน
ทางด้านนายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ประกาศเลื่อนการเปิดประชุมวุฒิสภาเป็นวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งทำให้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังพบว่าตัวเลขเฉลี่ย 7 วันของผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.
ก่อนหน้านี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลง 12.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดร้านค้าต่างๆ ส่งผลให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และฉุดอุปสงค์ในการใช้จ่ายสินค้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% เช่นกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย.