ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป , มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของอังกฤษ และการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐหลังการเลือกตั้ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.05% ปิดที่ 367.12 จุด
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,983.99 จุด เพิ่มขึ้น 61.14 จุด หรือ +1.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,568.09 จุด เพิ่มขึ้น 243.87 จุด หรือ +1.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,906.18 จุด เพิ่มขึ้น 22.92 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรายสัปดาห์ในรอบกว่า 6 เดือน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างมากตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มมีเดีย, กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่มเคมีภัณฑ์พุ่งขึ้นตามกัน
นักลงทุนยังคงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่คาดว่านายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตจะคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่พรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาซึ่งจะลดความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ แต่ก็จะทำให้การออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นและการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลในสหรัฐภายใต้การบริหารประเทศของไบเดนเป็นไปได้ยากมากขึ้น
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส พุ่ง 3.7% หลังธุรกิจซื้อขายหุ้นฟื้นตัวซึ่งช่วยหนุนหนุนให้ธนาคารกลับมามีกำไร
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางอังกฤษเพิ่มการซื้อพันธบัตรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และนายริชิ ซูแนค รมว.คลังของอังกฤษขยายโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกพักงานเพราะโรคโควิด-19