ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดช่วงติดลบ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สูงกว่าคาดในเดือนต.ค.
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 92 จุด หรือ 0.85% สู่ระดับ 28,205 จุด หลังจากดิ่งลงกว่า 200 จุดในช่วงแรก
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 638,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 530,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.7% หลังจากแตะระดับ 7.9% ในเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 672,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 661,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 1.493 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.489 ล้านตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนต.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 906,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 268,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กและเอพีรายงานว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 เสียง ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ 214 เสียง โดยนายไบเดนต้องการอีกเพียง 6 เสียงเท่านั้นก็จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง เพื่อชนะการเลือกตั้ง
หากปธน.ทรัมป์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่พ่ายแพ้ในการลงชิงชัยประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน พ่ายแพ้ต่อนายบิล คลินตันจากพรรคเดโมแครตในปี 2535
ปธน.ทรัมป์ขู่ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีการตรวจสอบผลการนับคะแนนในทุกรัฐที่นายไบเดนได้รับชัยชนะ โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าการโกงเลือกตั้งดังกล่าวได้เกิดขึ้นในรัฐใด และไม่ได้ยกตัวอย่างการทุจริตที่เกิดขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่า นายไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้นโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทำให้บริษัทจดทะเบียนยังคงได้รับประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อไป
นอกจากนี้ การถ่วงดุลอำนาจดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลของนายไบเดนจะทำการออกมาตรการควบคุมกฎระเบียบสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ