ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้ช่วยหนุนความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้น และนักลงทุนยินดีกับชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,186.29 จุด เพิ่มขึ้น 276.27 จุด หรือ +4.67%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. โดยหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มน้ำมันพุ่งขึ้น 12.3% และ 13.2% ตามลำดับ หลังบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐและบริษัทไบโอเอ็นเทคของเยอรมนีเปิดเผยว่า วัคซีนโควิดที่ทำการทดลองนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% จากผลการทดลองขั้นต้น
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางอังกฤษเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับ Brexit ด้วย โดยสหภาพยุโรประบุว่า จะเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทะยานขึ้น 12.2%
หุ้นโรลส์-รอยซ์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 43.76% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป (IAG) เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ พุ่ง 25.48%