ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ ซึ่งทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางเศรษฐกิจร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,080.17 จุด ลดลง 317.46 จุด หรือ -1.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,537.01 จุด ลดลง 35.65 จุด หรือ -1.00% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,709.59 จุด ลดลง 76.84 จุด หรือ -0.65%
นักวิเคราะห์จากบริษัทแบรด แอนด์ โค ในรัฐวิสคอนซิน กล่าวว่า ตลาดมีปฏิกริยาต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ แม้ข่าวความคืบหน้าในพัฒนาวัคซีนจะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิถีชีวิตในอนาคต แต่สิ่งที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันคือการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และวัคซีนก็ยังไม่มีการวางจำหน่ายในขณะนี้
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐทำให้หลายรัฐต้องออกมาตรการที่เข้มงวด โดยล่าสุดรัฐนิวยอร์กสั่งให้ผับบาร์ ร้านอาหาร และโรงยิม ต้องปิดภายในเวลา 22.00 น.และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโกได้แนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านหรือทำงานที่บ้านเป็นเวลา 30 วันนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 พ.ย.นี้เป็นต้นไป
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดและการใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดนั้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางเศรษฐกิจร่วงลง โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.65% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 1.46% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลบ 0.26% หุ้น 3M ร่วงลง 1.28% ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.38% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.62% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 1.57% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.43%
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 4.31% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.49% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.88% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทรุดลง 7.84% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 3.99% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ร่วงลง 3.43%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.40% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.19% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 4.96% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 1.9%
หุ้นเจซี เพนนีย์ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 34.91% หลังศาลรัฐเท็กซัสได้อนุมัติให้บริษัทไซมอน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และบริษัทบรู๊คฟิลด์ แอสเซท เมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ เข้าซื้อกิจการของเจซี เพนนีย์ ในวงเงิน 1.75 พันล้านดอลาร์ ซึ่งทำให้เจซี เพนนีย์รอดพ้นจากการล้มละลาย และช่วยให้พนักงาน 6 หมื่นคนไม่ต้องตกงาน
หุ้นโมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.51% หลังโมเดอร์นาประกาศว่า บริษัทมีข้อมูลจากการทดลองขั้นสุดท้ายเพียงพอในการนำไปวิเคราะห์ขั้นแรกเพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่บริษัทได้พัฒนาขึ้น โดยในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลดังกล่าวเพื่อส่งให้คณะกรรมการอิสระด้านการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยทำการประเมินผลต่อไป
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนต.ค. เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันได้หักล้างการดีดตัวขึ้นของราคาอาหาร
ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 709,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 757,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน