ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยล่าสุดนครนิวยอร์กซิตี้ประกาศปิดโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งหลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,438.42 จุด ลดลง 344.93 จุด หรือ -1.16% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,567.79 จุด ลดลง 41.74 จุด หรือ -1.16% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,801.60 จุด ลดลง 97.74 จุด หรือ -0.82%
นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กซิตี้แถลงว่า โรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งในนิวยอร์กซิตี้จะปิดการเรียนการสอน และให้เปลี่ยนไปเรียนทางไกลแทน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย.เป็นต้นไป เพื่อปกป้องชุมชนให้ปลอดภัย หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในนิวยอร์กซิตี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้รัฐนิวยอร์กได้กลายเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในสหรัฐ
นักวิเคราะห์จากบริษัทอินเวอร์เนส คอนเซิล ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การประกาศปิดโรงเรียนในนิวยอร์กซิตี้ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐย่อมสะท้อนให้เห็นถึงภาวะวิกฤตของการแพร่ระบาด ซึ่งแม้ว่ามีข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจะเริ่มต้นได้เมื่อใด เนื่องจากวัคซีนยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงทั้งหมด โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดถึง 2.88% ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.78% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 3.17% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลบ 0.92% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.7%
หุ้นโบอิ้งปิดตลาดร่วงลง 3.16% หลังจากทะยานขึ้นกว่า 4% ในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มติอนุมัติให้เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX ขึ้นบินอีกครั้ง หลังจากถูกสั่งห้ามบินนานถึง 20 เดือน จากการที่เครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน
อย่างไรก็ดี หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวขึ้น 0.78% ขณะที่หุ้น BioNTech พุ่งขึ้น 4.04% หลังจากไฟเซอร์ และ BioNTech แถลงผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายซึ่งระบุว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.16% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.79 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.60 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากยอดขายผ่านระบบออนไลน์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.530 ล้านยูนิต จากระดับ 1.459 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.460 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
ทางด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 4% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board