ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,334.35 จุด ลดลง 50.89 จุด หรือ -0.80%
หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มธนาคาร, พลังงาน และเหมืองแร่ ปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้นเอชเอสบีซี ลบ 0.25%, หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลดลง 1.24%, หุ้นเชลล์ ลดลง 2.54%, หุ้นบีพี ร่วง 3.25%, หุ้นเกล็นคอร์ ปรับตัวลง 1.76% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.74%
หุ้นจอห์นสัน แมทเธย์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านเคมีภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ระดับโลก ร่วงลง 5.6% หลังเปิดเผยผลกำไรรอบครึ่งปีร่วงเกือบ 90%
บรรดานักลงทุนกังวลว่า ภาวะชะงักงันในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและ EU รวมถึงการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษ
หัวหน้าผู้เจรจาเรื่องข้อตกลงการค้าหลังการแยกตัว (Brexit) ได้ระงับการเจรจาในวันพฤหัสบดี หลังสมาชิกรายหนึ่งในทีมงานติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่รัฐมนตรีอียูของฟินแลนด์ระบุว่า การเจรจาอยู่ในขั้นวิกฤต แต่ก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ