ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,351.45 จุด เพิ่มขึ้น 17.10 จุด หรือ +0.27%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการบวกขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์, พลังงานและเหมืองแร่ ซึ่งปรับตัวขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์
หุ้นเกล็นคอร์ พุ่ง 2.43%, หุ้นบีเอชพี บวก 1.49%, หุ้นแอนโทฟากัสต้า พุ่ง 3.46% และหุ้นริโอ ทินโต บวก 1.21%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้นด้วย หลังราคาน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น และหนุนความต้องการใช้น้ำมัน โดยหุ้นเชลล์ บวก 1.53% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.53%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของอังกฤษ เพิ่มขึ้นเกินคาด 1.2% ในเดือนต.ค. แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษอาจจะอนุญาตให้ผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโควิดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษเริ่มทรงตัว
หัวหน้าผู้บริหารของ EU เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า มีความคืบหน้ามากขึ้นในการทำข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ แต่ก็ยังคงมีงานที่ต้องดำเนินการอีกมากเพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงภายในกำหนดเส้นตายสิ้นปีนี้
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นจากความหวังว่าวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในวันนี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน