ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้น หลังจากมีความคืบหน้าอย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,432.17 จุด เพิ่มขึ้น 98.33 จุด หรือ +1.55%
หุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดตามทิศทางการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังเริ่มมีการถ่ายโอนอำนาจให้กับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ซึ่งยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์
หุ้นกลุ่มการเดินทางทะยานขึ้น หลังอังกฤษเปิดเผยว่าจะเริ่มใช้การทดสอบหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อลดเวลาในการกักกันตัวผู้โดยสารขาเข้าที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันและราคาโลหะพื้นฐาน ซึ่งได้ช่วยหนุนตลาด โดยหุ้นบีพี พุ่ง 8.42%, หุ้นเชลล์ พุ่ง 5.73%, หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 3.84%, หุ้นเกล็นคอร์ บวก 5.97% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 5.60%
หุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้นอย่างมาก ขานรับข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยหุ้นเอชเอสบีซี พุ่ง 4.08% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 4.44%