ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดเดือนพ.ย.พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,638.64 จุด ลดลง 271.73 จุด หรือ -0.91% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,621.63 จุด ลดลง 16.72 จุด หรือ -0.46% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,198.74 จุด ลดลง 7.11 จุด หรือ -0.06%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความชัดเจนของทิศทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ซึ่งระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้น 1.0% โดยดัชนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากผลกระทบของราคาบ้านที่พุ่งขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอยู่ในระดับต่ำก็ตาม
ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยร่วงลง โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป ร่วงลง 1.65% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ดิ่งลง 2.38% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 1.95% หุ้นเมริเทจ โฮมส์ ร่วงลง 2.33% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ปรับตัวลง 0.4%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ร่วงลง นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 5.2% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 5.2% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทรุดตัวลง 7.53% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 5.5%
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดเดือนพ.ย. ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 11.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 นอกจากนี้ เดือนพ.ย.ยังเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทะยานขึ้นเหนือระดับ 30,000 จุดครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 10.8% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 11.8% ในเดือนพ.ย.
หุ้นไอเอชเอส มาร์กิต ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน พุ่งขึ้น 7.49% หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล อิงค์ ตกลงซื้อกิจการไอเอชเอส มาร์กิต ในวงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นข้อตกลงการซื้อกิจการที่มีวงเงินสูงสุดในปี 2563
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 6.27% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้น Nvidia บวก 1.06% หุ้น Xilinx ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 5.86%
หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 20.24% ขานรับข่าวโมเดอร์นาเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยการยื่นขออนุมัติดังกล่าว จะทำให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาในเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนต.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.