ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) หลังจากการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) แต่ตลาดปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ย.มากที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 และความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.98% ปิดที่ 389.36 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,518.55 จุด ลดลง 79.63 จุด หรือ -1.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,291.16 จุด ลดลง 44.52 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,266.19 จุด ลดลง 101.39 จุด หรือ -1.59%
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดัน หลังแหล่งข่าว EU เปิดเผยว่า การเจรจาในกรุงลอนดอนระหว่างอังกฤษและ EU ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างยากลำบาก และยังคงมีความขัดแย้งกันอย่างมากในประเด็นเรื่องการประมง, การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม และการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกัน ขณะที่เหลือเวลาอีกราว 5 สัปดาห์ก่อนครบกำหนดเส้นตายในการแยกตัว
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวลงมากที่สุดในยุโรป โดยร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบท่ามกลางความไม่แน่นอนว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะตกลงขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันออกไปหรือไม่ในการเจรจาในสัปดาห์นี้
หุ้นโททาล ร่วง 4.97%, หุ้นบีพี ร่วง 5.75% และหุ้นเชลล์ ร่วงลง 5.09%
ส่วนหุ้นธนาคารเอบีเอ็น แอมโร ร่วง 8.9% หลังเปิดเผยว่า ธนาคารจะปรับลดพนักงานเกือบ 3,000 ตำแหน่งภายในปี 2567