ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้ โดยเป็นการปรับฐานหลังจากพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากการที่แกนนำวุฒิสภาสหรัฐคัดค้านการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,738.96 จุด ลบ 84.96 จุด หรือ 0.28%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดเมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับรายงานที่ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะหารือกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตของจีนที่แข็งแกร่งเกินคาด
อย่างไรก็ดี นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวคัดค้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อเสนอของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
"เราไม่ควรเสียเวลาอีกต่อไป" นายแมคคอนเนลล์กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว
นายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า เขาต้องการให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินราว 5 แสนล้านดอลลาร์ที่มีการระบุความช่วยเหลือต่อภาคอุตสาหกรรมอย่างเฉพาะเจาะจงในการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า สภาคองเกรสควรพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และร่างกฎหมายงบประมาณหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจำเป็นจะต้องอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวภายในวันที่ 11 ธ.ค.เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทั่วโลก จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 307,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 475,000 ตำแหน่ง