ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
ณ เวลา 17.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 125 จุด หรือ 0.42% สู่ระดับ 30,057 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.29% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลหลังจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศลดเป้าหมายการจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในปีนี้
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้เพื่อหาสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัวสู่ระดับ 440,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากพุ่งขึ้นถึง 638,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.7% จากระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามข้อเสนอของนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา หากมาตรการดังกล่าวสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
"ท่านประธานาธิบดีจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คุณแมคคอนเนลล์เสนอ และเราจะพยายามสานต่อจากข้อเสนอดังกล่าว" นายมนูชินกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายมนูชินและนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้หารือกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี นายแมคคอนเนลล์กล่าวคัดค้านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อเสนอของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
นายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า เขาต้องการให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินราว 5 แสนล้านดอลลาร์ที่มีการระบุความช่วยเหลือต่อภาคอุตสาหกรรมอย่างเฉพาะเจาะจงในการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า สภาคองเกรสควรพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และร่างกฎหมายงบประมาณหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจำเป็นจะต้องอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวภายในวันที่ 11 ธ.ค.เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์