ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าสหรัฐจะเร่งออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,218.26 จุด เพิ่มขึ้น 248.74 จุด หรือ +0.83%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,699.12จุด เพิ่มขึ้น 32.40 จุด หรือ +0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,464.23 จุด เพิ่มขึ้น 87.05 จุด หรือ +0.7%
ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 1%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.7% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.11%
หุ้นที่ปร้บตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มพลังงาน, วัสดุ และอุตสาหกรรม
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวในเดือนพ.ค. โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 245,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 440,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 610,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.7% ในเดือนพ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 6.9% ในเดือนต.ค.
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐกล่าวว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ชะลอตัวบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังหยุดชะงัก และเตือนว่าสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้นในฤดูหนาวนี้ หากสภาคองเกรสไม่เร่งอนุมัติกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด-19
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า สภาคองเกรสจำเป็นต้องเร่งพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์ตลาดรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า "ข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดอาจเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน เนื่องจากจะเร่งให้สภาคองเกรสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้"
หุ้นกลุ่มการเงินที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ระดับสูงกว่า 0.98%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 5.4% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า และได้บดบังความวิตกเกี่ยวกับยอดติดเชื้อโควิดที่ยังคงพุ่งขึ้นในสหรัฐ
หุ้นโบอิ้งปรับตัวลงสวนทางตลาด โดยลดลง 1.9% หลังผู้บริหารระดับสูงเปิดเผยว่า โบอิ้งจะลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ลงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 18 เดือน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อของภาคโรงงานสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนก.ย.
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% สู่ระดับ 6.31 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.21 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.1% สู่ระดับ 2.45 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 1.82 แสนล้านดอลลาร์