ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ รวมทั้งการใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในบางรัฐของสหรัฐ นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนมองว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,069.79 จุด ลดลง 148.47 จุด หรือ -0.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,691.96 จุด ลดลง 7.16 จุด หรือ -0.19% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,519.95 จุด เพิ่มขึ้น 55.72 จุด หรือ +0.45%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการใช้มาตรการควบคุมการระบาด โดยล่าสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในสหรัฐ มีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่ทางตอนใต้และตอนกลางของรัฐ ซึ่งรวมถึงนครลอสแอนเจลิส ให้อยู่แต่ในที่พักอาศัยเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 30,000 ราย
ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นแตะ 15,161,782 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งขึ้นแตะ 288,962 ราย โดยสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน 14 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติของจีน โดยสหรัฐอ้างว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการตัดสิทธินักการเมืองฝ่ายค้านในฮ่องกง
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ร่วงลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลงอย่างหนักถึง 2.44% หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.71% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.89% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.37% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.15%
หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.43% หลังมีรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ มีแผนที่จะวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์ Mac โดยใช้หน่วยประมวลผลที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งแผนการดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณยุติการเป็นพันธมิตรกับบริษัทอินเทลซึ่งผลิตชิปให้กับแอปเปิลมานานถึง 15 ปี
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.51% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.23%
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อเสนอของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อส่งความช่วยเหลือให้กับชาวอเมริกันได้ก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดอาจจะเร่งให้สภาคองเกรสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2563, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน