ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮเช่นกัน ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมาตรการฉบับนี้ครอบคลุมถึงการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,403.97 จุด เพิ่มขึ้น 204.10 จุด หรือ +0.68% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,735.36 จุด เพิ่มขึ้น 32.30 จุด หรือ +0.87% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,899.42 จุด เพิ่มขึ้น 94.69 จุด หรือ +0.74%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากปธน.ทรัมป์ลงนามในกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามในร่างงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.89% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 3.51% หุ้นอัลฟาเบท ดีดตัวขึ้น 2.3% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.99% หุ้นทวิตเตอร์ บวก 0.85% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นขานรับมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.55% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.53% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.06% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ทะยานขึ้น 4.17% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ พุ่งขึ้น 3.86% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 3.16%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.34% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส บวก 0.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวก 0.57% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.9%
หุ้นเทสลา ปรับตัวขึ้น 0.29% หลังมีรายงานว่า เทสลาจะเริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอินเดียช่วงต้นปีหน้า
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์