ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น เนื่องจากสหรัฐจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือประชาชนในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันแล้ว รวมไปถึงการเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ ในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.76% ปิดที่ 401.61 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,611.79 จุด เพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ +0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,602.65 จุด เพิ่มขึ้น 100.54 จุดหรือ +1.55% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,761.38 จุด ลดลง 28.91 จุดหรือ -0.21%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 10 เดือน และปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้นขานรับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและ EU ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
บรรดานักลงทุนมีความหวังว่าโรคโควิด-19 จะยุติการแพร่ระบาด และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น หลังจากที่หลายประเทศในยุโรปเริ่มโครงการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิดทั่วประเทศแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดมีความยังหวังว่า สหรัฐจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือประชาชนในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะมอบเช็คเงินสดให้กับประชาชนสหรัฐ 2,000 ดอลลาร์ และได้ส่งเรื่องให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาอนุมัติต่อไป
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวการเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่ง 3.3% จากข่าวที่ว่า รัฐบาลอังกฤษจะอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในเร็วๆ นี้