ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดบวกทำสถิติสูงสุดด้วยเช่นกัน โดยนักลงทุนขานรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานซึ่งปรากฏว่าลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,606.48 จุด เพิ่มขึ้น 196.92 จุด หรือ 0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,756.07 จุด เพิ่มขึ้น 24.03 จุด หรือ 0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,888.28 จุด เพิ่มขึ้น 18.28 จุด หรือ 0.14%
หากวัดตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมาแล้ว ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 7.3% ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 16.3% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 43.6% จากการที่นักลงทุนแห่ซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางในวันสุดท้ายของปี 2563 โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันนี้เนื่องในวันปีใหม่
เมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 806,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 828,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 17,750 ราย สู่ระดับ 836,750 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 5.219 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้รับแรงหนุนจากการที่อังกฤษอนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งจะช่วยสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถระบาดรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ หลังเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.2564
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียในวันที่ 5 ม.ค.2564 ซึ่งจะตัดสินว่าพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งหากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง ก็จะทำให้พรรคเดโมแครตครองอำนาจเบ็ดเสร็จในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนก.พ.และมี.ค. โดยถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวหลังจากนั้น โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน พร้อมกับอัดฉีดเม็ดเงินเข้าตลาด เพื่อช่วยเหลือเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงท้ายปี