ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นอังกฤษร่วงลงอย่างหนักในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่อังกฤษจะต้องออกจากตลาดเดียวและสหภาพศุลกากรของสหภาพยุโรป (EU) และนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.30% ปิดที่ 399.03 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,551.41 จุด ลดลง 48.00 จุด หรือ -0.86% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,460.52 จุด ลดลง 95.30 จุด หรือ -1.45% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดทำการวันที่ 31 ธ.ค. เนื่องในวันสิ้นปี
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง 0.3% ในวันพฤหัสบดี และลดลง 4% ในปีนี้ ขณะที่การซื้อขายในวันสุดท้ายของปีเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดยุโรปบางแห่งปิดทำการ หรือเปิดการซื้อขายเพียงครึ่งวัน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปเพิ่มขึ้น รวมถึงไวน์และบรั่นดีจากฝรั่งเศสและเยอรมนี ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งที่ดำเนินมา 16 ปีระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนบริษัทแอร์บัสและโบอิ้ง
หุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 1.61%
หุ้นกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก และก่อสร้างบ้านของอังกฤษปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มดังกล่าวท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU และการที่รัฐบาลอังกฤษประกาศในวันพุธว่าจะทำการคุมเข้มพื้นที่สาธารณะมากขึ้น เนื่องจากอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังคงเพิ่มขึ้น