ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของปีใหม่ เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป และมีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ทั่วทวีปยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.67% ปิดที่ 401.69 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,588.96 จุด เพิ่มขึ้น 37.55 จุด หรือ +0.68% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,571.88 จุด เพิ่มขึ้น 111.36 จุดหรือ +1.72% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,726.74 จุด เพิ่มขึ้น 7.96 จุดหรือ +0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ซึ่งอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจพุ่งขึ้นมากกว่า 3%
หุ้น TUI ที่เป็นบริษัทด้านการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 2.7% หลังซีอีโอเปิดเผยคาดการณ์ว่า สถานการณ์ในฤดูร้อนปีนี้จะกลับสู่ภาวะปกติเป็นส่วนใหญ่
ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นราว 50% จากระดับต่ำสุดในเดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 จะช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น
อังกฤษได้เริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดให้กับประชาชนแล้วในวันจันทร์นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า โรงงานของเยอรมนียังคงผลิตสินค้าออกมามากขึ้นในเดือนธ.ค. แม้มีการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม
ไอเอชเอส มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายของภาคการผลิต เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 58.3 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 57.8 ในเดือนพ.ย.