ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ
ณ เวลา 21.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,328.28 จุด บวก 104.39 จุด หรือ 0.35%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 10 สัปดาห์ และเป็นการปิดตลาดในแดนลบในวันซื้อขายแรกของปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย โดยกังวลว่าหากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง จะทำให้ทางพรรคสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้การผลักดันมาตรการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลภายใต้รัฐบาลของนายโจ ไบเดน เป็นไปได้ง่ายขึ้น และจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ชัยชนะของพรรคเดโมแครตจะช่วยให้รัฐบาลของนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้รวดเร็วมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด
"ต่อให้พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะมีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีครั้งใหญ่หรือไม่ แต่ทางพรรคสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ รวมทั้งผลักดันโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคครั้งใหม่" นายมาร์ก แฮกเกตต์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของบริษัทเนชั่นไวด์กล่าว
ทั้งนี้ ชาวอเมริกันและทั่วโลกกำลังจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งจะมีเดิมพันสูงสำหรับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยจะตัดสินว่าพรรคใดสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
การเลือกตั้งดังกล่าวมีกำหนดปิดหีบ และเริ่มนับคะแนนในเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับพรุ่งนี้เช้าเวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ต่างเดินทางไปยังรัฐจอร์เจียเมื่อวานนี้ เพื่อรณรงค์หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งดังกล่าว
หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะทำให้ทางพรรคสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้รัฐบาลของนายไบเดน หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของปธน.ทรัมป์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้พรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ง่ายขึ้น และจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
ทั้งนี้ นายไบเดนมีนโยบายเพิ่มภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจน โดยเขาจะยกเลิกมาตรการปรับลดอัตราภาษีของปธน.ทรัมป์ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% จากเดิมที่ปธน.ทรัมป์ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ นายไบเดนจะปรับเพิ่มภาษีของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี ขณะที่นายไบเดนจะเพิ่มการลดหย่อนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และให้เงินอุดหนุนภาษีสำหรับการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น
ขณะนี้ นางเคลลี ลอฟเฟลอร์ และนายเดวิด เพอร์ดิว จากพรรครีพับลิกัน ครองตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในรัฐจอร์เจีย ซึ่งหากทั้งสองสามารถรักษาเก้าอี้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะทำให้พรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไป ด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48 เสียง
อย่างไรก็ดี ถ้าหากนางลอฟเฟลอร์ และนายเพอร์ดิว พ่ายแพ้ให้แก่นายราฟาเอล วอร์นอค และนายโจน ออสซอฟฟ์ ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ทางพรรคเดโมแครตก็จะสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยมีคะแนนเสียง 50 ต่อ 50 เสียง รวมกับอีก 1 เสียงจากนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะสามารถใช้สิทธิลงคะแนนเสียงดังกล่าวในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง เพื่อชี้ขาดในกรณีที่วุฒิสมาชิกลงคะแนนเสียงเท่ากันในญัตติใดญัตติหนึ่ง
คณะกรรมการการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในวันนี้ หลังจากที่ไม่มีผู้สมัครรายใดได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.2563
พรรคเดโมแครตมีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียในวันนี้ หลังจากที่นายไบเดนสามารถชนะการเลือกตั้งในรัฐดังกล่าวในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยทำลายสถิติการผูกขาดชัยชนะของพรรครีพับลิกันเป็นเวลาหลายสมัยคิดเป็นเวลาถึง 20 ปี
ขณะเดียวกัน สื่อได้เปิดเผยบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ของปธน.ทรัมป์ที่พยายามกดดันนายแบรด ราฟเฟนสเปอร์เจอร์ เลขานุการรัฐจอร์เจีย ให้พลิกผลการเลือกตั้งในรัฐดังกล่าวเพื่อให้เขามีคะแนนนำนายไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.ปีที่แล้ว โดยให้นายราฟเฟนสเปอร์เจอร์หาคะแนนเสียงมาเพิ่มให้ปธน.ทรัมป์จำนวน 11,779 เสียง อย่างไรก็ดี นายราฟเฟนสเปอร์เจอร์ได้ปฏิเสธที่จะดำเนินการดังกล่าว
นอกจากนี้ ทั่วโลกยังจับตาสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งจะทำการประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะจัดการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้เพื่อนับผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้ง โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง จะเป็นประธานการประชุมดังกล่าว และจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ก่อนที่จะเข้าทำพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.
ที่ผ่านมา การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจากคณะผู้เลือกตั้งในสภาคองเกรสแทบไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากผู้ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมักจะยอมรับความพ่ายแพ้หลังการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากปธน.ทรัมป์ยังคงมีความพยายามที่จะขัดขวางการประกาศให้นายไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้ง แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด
ล่าสุด สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ 11 รายจากพรรครีพับลิกัน ภายใต้การนำของนายเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรัฐเท็กซัส ได้รวมตัวกันประกาศจุดยืนคัดค้านการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายไบเดน พร้อมกับเรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยสมาชิกวุฒิสภาดังกล่าวเตรียมออกเสียงคัดค้านในวันพรุ่งนี้ในการประชุมร่วมของสภาคองเกรส ซึ่งจะมีการนับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งอย่างเป็นทางการ