ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิที่จะชี้ชะตาว่าพรรคใดจะครองอำนาจในสภาคองเกรสสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,391.60 จุด เพิ่มขึ้น 167.71 จุด หรือ +0.55% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,726.86 จุด เพิ่มขึ้น 26.21 จุด หรือ +0.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,818.96 จุด เพิ่มขึ้น 120.51 จุด หรือ +0.95%
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย ซึ่งถือเป็นเกมการเมืองที่มีเดิมพันสูงสำหรับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพราะจะตัดสินว่าพรรคใดสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยการเลือกตั้งดังกล่าวมีกำหนดปิดหีบ และเริ่มนับคะแนนในช่วงเช้านี้เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะทำให้ทางพรรคสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้รัฐบาลของนายโจ ไบเดน อย่างไรก็ดี ชัยชนะของพรรคเดโมแครตก็อาจเปิดทางให้นายไบเดนผลักดันมาตรการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
นักวิเคราะห์จากบริษัทเครสเซท แคปิตอล แมเนจเมนท์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พรรคใดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส ไม่ว่าจะพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ตาม เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ และเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจในสภา
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.53% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 5.74% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.82% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.70% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 8.39%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพดีดตัวขึ้นขานรับความหวังที่ว่า ธุรกิจในภาคส่วนนี้จะได้ประโยชน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด โดยหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มขึ้น 1.18% หุ้นไฟเซอร์ บวก 1.09% หุ้น Abbvie ดีดขึ้น 1.05% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.84%
หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.33% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนสู่ระดับ "buy" โดยเชื่อว่าความต้องการและราคาชิปจะฟื้นตัวขึ้น
หุ้น 3 บริษัทสื่อสารรายใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น โดยหุ้นไชน่าเทเลคอม, ไชน่าโมบายล์ และไชน่ายูนิคอม พุ่งขึ้น 8.8%, 9.3% และ 11.8% ตามลำดับ หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ ด้วยการยกเลิกแผนการถอดถอนหุ้นของทั้ง 3 บริษัทออกจากการซื้อขายในตลาด หลังจากที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561 จากระดับ 57.5 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.6 โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP , ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.