ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) ขานรับการอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ในสหภาพยุโรป (EU) และนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการกระตุ้นด้านการคลังขนาดใหญ่ขึ้นของสหรัฐ เนื่องจากพรรคเดโมแครตใกล้จะชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาสหรัฐในรัฐจอร์เจีย ซึ่งจะทำให้พรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.367% ปิดที่ 406.41 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,630.60 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,891.97 จุด เพิ่มขึ้น 240.75 จุด หรือ +1.76% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,841.86 จุด เพิ่มขึ้น 229.61 จุด หรือ +3.47%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. 2563 หลังนักลงทุนขานรับข่าวสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) และคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ใน EU ซึ่งเพิ่มความหวังว่ายุโรปจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่พรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาในรัฐจอร์เจีย ซึ่งจะส่งผลให้พรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และเปิดทางให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นด้านการคลังได้ง่ายมากขึ้น
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวขึ้น ขานรับความหวังในการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคมากขึ้น หากพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจทะยานขึ้นกว่า 5% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยหุ้นเอชเอสบีซี พุ่ง 9.92% และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่ง 5.52%
หุ้นกลุ่มน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 6% เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 หลังซาอุดีอาระเบียยืนยันที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมกับกลุ่มโอเปกพลัส โดยหุ้นเชลล์ พุ่ง 6.95%, หุ้นบีพี พุ่ง 6.35% และหุ้นโททาล พุ่ง 4.39%