ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้คณะบริหารของพรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าตัวเลขคาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,041.13 จุด เพิ่มขึ้น 211.73 จุด หรือ + 0.69% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,803.79 จุด เพิ่มขึ้น 55.65 จุด หรือ +1.48% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,067.48 จุด เพิ่มขึ้น 326.69 จุด หรือ +2.56%
ดาวโจนส์ปิดที่เหนือระดับ 31,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ปิดที่เหนือระดับ 3,800 จุด และ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกตามลำดับ ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสภาคองเกรสให้การรับรองชัยชนะของนายไบเดน รวมทั้งการที่พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ทำให้เดโมแครตสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรส ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 57.2 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 55.9 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.6 โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ไบรท์ เทรดดิ้งในรัฐเนวาดา กล่าวว่า นักลงทุนมองข้ามปัจจัยลบจากการที่กลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์บุกเข้าไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองชัยชนะของนายไบเดน โดยขณะนี้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายไบเดน ซึ่งรวมถึงการออกมาตรการรอบใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.65% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดขึ้น 1.8% โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.41% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.85% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.76% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.68% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.13%
หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 7.94% หลังจากนักวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ "sector perform" จากระดับ "underperform" ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา กลายเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับหนึ่งของโลกแล้วในขณะนี้ แซงหน้านายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของแอมะซอน
หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.18% ขณะที่หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "วิคตอเรีย ซีเครท" พุ่งขึ้น 5.89% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2563
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 790,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 815,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นเพียง 50,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%