ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น และสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น หลังจากพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.51% ปิดที่ 408.49 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,669.85 จุด, เพิ่มขึ้น 39.25 จุด หรือ +0.70%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,968.24 จุด เพิ่มขึ้น 76.27 จุด หรือ +0.55% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,856.96 จุด เพิ่มขึ้น 15.10 จุด หรือ +0.22%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดของเดือนก.พ. 2563
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้นมากที่สุด นำโดยหุ้น Saint Gobain ของฝรั่งเศสซึ่งพุ่งขึ้น 2.3% หลังเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 จะสูงกว่าคาดอย่างมาก
หุ้นที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่สหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น หลังจากพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหภาพยุโรปอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา ซึ่งเพิ่มความหวังว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลง และเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว