ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซา
ณ เวลา 21.49 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,063.71 จุด บวก 22.58 จุด หรือ 0.07%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และได้ดีดตัวขึ้นมากกว่า 1% ในสัปดาห์นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และพุ่งขึ้น 654,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนธ.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 95,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 45,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนธ.ค.จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
ทั้งนี้ นายไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. หลังจากที่สภาคองเกรสให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของนายไบเดนก่อนหน้านี้
ทางด้านพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งทำให้ทางพรรคครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์