ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ โดยล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว และกำลังส่งญัตติการถอดถอนปธน.ทรัมป์ให้วุฒิสภาพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ส่วนดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,060.47 จุด ลดลง 8.22 จุด หรือ -0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,809.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.65 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,128.95 จุด เพิ่มขึ้น 56.52 จุด หรือ +0.43%
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ถอดถอนปธน.ทรัมป์ ด้วยความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยหลังจากนี้สภาผู้แทนฯจะส่งญัตติการถอดถอนปธน.ทรัมป์ให้กับวุฒิสภาสหรัฐเพื่อพิจารณาเป็นลำดับต่อไปว่า จะลงมติถอดถอนหรือคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดว่ากระบวนการนี้จะส่งผลให้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เป็นไปอย่างล่าช้าหรือไม่ โดยรายงานระบุว่า นายไบเดนเตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันนี้เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.94% และดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวขึ้น 1.39% โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน พุ่งขึ้น 2.49% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี บวก 0.92%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหริมทรัพย์ซึ่งเป็นภาคส่วนธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.082% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.06% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ร่วงลง 1.39% หุ้นอัลโค คอร์ป ร่วงลง 2.55% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ดิ่งลง 2.77%
หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.13% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเอ็กซอน โมบิล สู่ระดับ Overweight จากระดับ Neutral และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเอ็กซอน โมบิล สู่ระดับ 56 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 50 ดอลลาร์
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 6.97% หลังจากบริษัทยืนยันว่า นายบ็อบ สวอน จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ และนายแพท เกลซินเกอร์ จะเข้ารับตำแหน่งแทน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
ทางด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน