ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย นลท.กังวลผลกระทบล็อกดาวน์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทในยุโรป แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 409.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.46 จุด หรือ +0.11%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,662.67 จุด เพิ่มขึ้น 11.70 จุด หรือ +0.21% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,939.71 จุด เพิ่มขึ้น 14.65 จุด หรือ +0.11% แต่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,745.52 จุด ลดลง 8.59 จุด หรือ -0.13%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆในยุโรป เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

แต่ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของบริษัทในยุโรป โดยหุ้นคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส พุ่ง 13.4% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2562 หลังบริษัท Alimentation Couche-Tard ซึ่งทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อของแคนาดา ได้ติดต่อขอเทคโอเวอร์คาร์ฟูร์เป็นเงิน 1.62 หมื่นล้านยูโร (1.972 หมื่นล้านดอลลาร์)

หุ้นเทเลโฟนิกาของสเปน พุ่ง 9.7% หลังบริษัทตกลงที่จะขายเสาโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุโรปและละตินอเมริกาให้กับบริษัทอเมริกัน ทาวเวอร์ส ผู้ประกอบการด้านสาธารณูปโภคการสื่อสารโทรคมนาคมของสหรัฐเป็นเงิน 7.7 พันล้านยูโร (9.4 พันล้านดอลลาร์)

หุ้นตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) พุ่ง 1.8% หลังคณะกรรมการด้านการต่อต้านการผูกขาดของสหภาพยุโรปอนุมัติการเทคโอเวอร์ Refinitiv ซึ่งเป็นบริษัทด้านข้อมูลการเงิน เป็นเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้น Siemens Gamesa และ หุ้น Siemens Energy พุ่งขึ้น 1.6% และ 4.2% ตามลำดับ หลังระบุว่า บริษัทกำลังพัฒนากังหันลมนอกชายฝั่งเชิงพาณิชย์เพื่อผลิตไฮโดรเจนด้วยกระแสไฟฟ้า

แต่หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มบริษัทด้านการเดินทาง และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ ปรับตัวลงจากความวิตกว่า การล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ ในยุโรปเป็นเวลานานเพื่อควบคุมโควิดนั้น จะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า และกระทบผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน