ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ โดยข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,991.52 จุด ลดลง 68.95 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,795.54 จุด ลดลง 14.30 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,112.64 จุด ลดลง 16.31 จุด หรือ -0.12%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค.2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 795,000 ราย โดยการพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
นักลงทุนรอดูการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดนตลอดทั้งวัน โดยหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการได้ไม่นาน นายไบเดนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า "American Rescue Plan" ซึ่งมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ มาตรการ American Rescue Plan ครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎร
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 0.95% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.38% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.51% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.53% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 1.21% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.36%
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.01% หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.86% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.42% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.19%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้น 1.73% หลังจาก J&J เปิดเผยผลการทดลองระบุว่า วัคซีนของทางบริษัทสามารถให้การป้องกันไวรัสโควิด-19 ด้วยการฉีดเพียงโดสเดียว
หุ้นแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 4.94% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.18 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.14 ดอลลาร์/หุ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยพุ่งขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน