ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเร่งออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน หลังจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,176.01 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,853.07 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ +0.03% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,530.91 จุด เพิ่มขึ้น 73.67 จุด หรือ +0.55%
นักลงทุนคาดการณ์ว่า ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐจะผลักดันให้คณะบริหารของปธน.ไบเดนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 900,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ม.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลง 26,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าระดับ 665,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงปี 2550-2552 ซึ่งขณะนั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.44% หลังจากปธน.ไบเดนได้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล ซึ่งจะส่งทรายน้ำมัน (oil sand) จากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังรัฐเนแบรสกาของสหรัฐ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 4.78% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 3.53% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.87% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.34%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.32% ขานรับมุมมองที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนจำเป็นต้องอยู่บ้านในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.67% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 2.02% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.22% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.34% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.28%
หุ้นอินเทล ทะยานขึ้น 6.46% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4 และประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 6.17% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นฟอร์ดขึ้นสู่ระดับ 11 ดอลลาร์ จากระดับ 9 ดอลลาร์
หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.73% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนติดต่อกันยาวนานถึง 4 ไตรมาส เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนที่จะลดต้นทุนรายปีลงประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์จนถึงปี 2566
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 1.669 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.560 ล้านยูนิต จากระดับ 1.547 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.
ส่วนในคืนนี้ ทางการสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และมาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ